หลายคนคงประสบกับปัญหาเรื่องของ ภาษีขายของออนไลน์ บอกตามตรงว่ามันเป็นของสแลงสำหรับคนที่ต้องทำงานหาแลกเงินอย่างเราเรา รายได้ที่หามาไม่ได้หาได้ง่ายๆนะครับ ต้องลงทุนลงแรงมากมายกว่าจะได้มาเพื่อทำการเลี้ยงชีพ ซ้ำแล้วต้องมาโดนเรื่องของ ภาษีขายของออนไลน์ เล่นงานเข้าอีก ตอนแรกมักจะเข้าใจว่าเราขายของได้กำไร แต่พอเวลาผ่านไปโดนเก็บ ภาษีขายของออนไลน์ ย้อนหลังเข้าให้ไอที่คิดว่า กำไร กลับกลายมาขาดทุนเพราะว่าเราขาดความรู้เรื่องภาษีขายของออนไลน์ และมิได้ทำการบวกภาษีส่วนนี้เข้าไปในราคาขายของด้วย แต่ก็จะยังไงดีล่ะ หากมีการบวกเข้าไปในราคาสินค้าเข้าจริงๆก็จะเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค
เรื่องราวของ ภาษี เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยาก
พอดีผมผ่านไปเจอบทความที่มีประโยชน์เลยของเก็บมาฝาก ต้องให้เครดิตกับ aommoney.com
ที่เรียบเรื่องมาให้พวกเราอ่นได้ง่ายขึ้น
สำหรับที่มาของบทความ “ภาษีขายของออนไลน์“ ในตอนนี้
เกิดขึ้นหลังจากที่ @TAXBugnoms ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยในรายการ
Money Makeover FM102 ดำเนินรายการโดย คุณรัชชพล เหล่าวานิช
และคุณศลิลนา ภู่เอี่ยม ในหัวข้อเรื่อง ภาษีสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์
ซึ่งหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลายมักจะสงสัย
และเข้าใจผิดเรื่องการเสียภาษีกับการขายของออนไลน์อยู่เป็นจำนวนมากครับ วันนี้เลยถือโอกาสชี้แจงให้ฟังกันแบบหมดเปลือกในบทความเดียวกันไปเลย
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า..
เมื่อเกิดการซื้อขายขึ้นมาระหว่างคนขายกับคนซื้อ ไม่ว่าจะรับเป็นเงินสด เช็ค
แคชเชียร์เช็ค เช็คของขวัญ อะไรทั้งหลายแหล่ รู้แน่ ๆ
ว่าสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันใจแล้วละก็ เรานับว่าเป็น “เงิน” ทั้งหมดครับ
และเมื่อขายของออนไลน์เพื่อเงินนี่แหละ จึงทำให้เรามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
เพราะฉะนั้น “การเปิดร้านค้าออนไลน์” ไม่ใช่เปิดขึ้นมาแล้วไม่ต้องเสียภาษี
เพราะถ้ามีรายได้ขึ้นมาเราก็ต้องเสียภาษีเหมือนการขายของตามปกติ โดยมีภาษี 2
ประเภทที่เกี่ยวข้องกับการขายของแบบเรา ๆ นั่นคือ “ภาษีเงินได้” และ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม”
1. ภาษีเงินได้
ถ้าหากเป็นร้านค้าที่เปิดโดยคนธรรมดาบ้าน ๆ อย่างเรา ๆ
ก็ถือว่าต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยภาษีเงินได้นั้นจะมาจากการคำนวณ “เงินได้สุทธิ” แต่ถ้าหากจดทะเบียนเป็น “นิติบุคคล” อย่างห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
อันนี้ก็ต้องเสียเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยคำนวณจาก “กำไรสุทธิ” แทน
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
จะต้องเสียก็ต่อเมื่อเรามีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
เมื่อไรที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ว่านี้เรามีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าทันที
เช่น สินค้าราคา 100 บาท ต้องบวก “ภาษีมูลค่าเพิ่ม”
เข้าไปอีก 7 บาท ซึ่งลูกค้ามีหน้าที่ต้องจ่าย 107
บาทนั่นเอง
แต่ทว่า..
บทความนี้ขออนุญาตเจาะลึกในเรื่อง ภาษีขายของออนไลน์
สำหรับบุคคลธรรมดาที่เปิดร้านค้าออนไลน์เท่านั้นนะครับ
เพราะถ้าพูดเรื่องของนิติบุคคลไปด้วยเดี๋ยวจะยุ่งกันไปใหญ่ และสำหรับบุคคลธรรมดา
เราจะพิจารณาภาษีด้วยวิธีนี้ครับ
1. กรณีที่รายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี
เราจะเสียภาษีแค่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. กรณีที่รายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
เราจะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีขายของออนไลน์
แบ่งออกเป็น 2 วิธีได้ดังนี้ครับ
1. เงินได้จากการขายของออนไลน์
ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ประเภทอื่น ๆ)
2. สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธีคือ
แบบเหมาในอัตรา 80% ของรายได้ และแบบตามความจำเป็นและสมควร
สำหรับวิธีการเลือกหักค่าใช้จ่ายแต่และแบบนั้น
เราควรจะเลือกแบบไหนกันดี ขอแนะนำให้พิจารณาแบบนี้ครับ
ถ้าเป็นการขายของออนไลน์ทั่วไป เช่น
เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอาง ฯลฯ ประเภทสิ่งของจับต้องได้ต่าง ๆ
ขอแนะนำให้หักค่าใช้จ่าย “แบบเหมา” ไปเลยดีกว่า แต่ถ้าหากอยากหักค่าใช้จ่ายตามจำเป็นและสมควรเพราะประหยัดภาษี
ก็ขอแนะนำว่าให้มั่นใจว่าเอกสารหลักฐานที่เรามีนั้นครบถ้วนถูกต้อง
มิฉะนั้นอาจจะมีปัญหากับพี่สรรพากรได้ แล้วจะกลายเป็นเสียภาษีมากกว่าเดิมไปซะงั้น
3. ส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่าย
ให้นำมาหัก “ค่าลดหย่อน” ตามกฎหมายเพื่อคำนวณเงินได้สุทธิกันต่อเลยครับ
หลังจากนั้นคูณด้วยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามลำดับขั้นบันได
เพื่อหาภาษีที่เราต้องจ่าย แต่ขอเตือนไว้ก่อนครับว่า
ถ้าหากเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์เกิน 1,000,000 บาทต่อปี !!!
เราต้องคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมินโดยนำ 0.5% มาคูณเงินได้ของเราด้วยครับ และหลังจากนั้นให้นำมาเปรียบเทียบภาษีที่คำนวณได้ทั้งสองวิธี
และเลือกว่าภาษีที่คำนวณตามวิธีไหนได้มากกว่าให้ใช้วิธีนั้นในการเสียภาษีครับ !!
(โหดจังเลย)
ทีนี้เรามาดูตัวอย่างสำหรับ
วิธีการคำนวณภาษีเงินได้ สำหรับคนขายของออนไลน์กันดีกว่าครับ สมมุติว่า… นายหมอนัทแห่งคลินิกกองทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์สำหรับท่านชายโดยเฉพาะ
(เอ๊ะ !! ยังไง) โดยมีรายได้ตลอดทั้งปี
5,000,000 บาท และตัวหมอนัทเองนั้นยังโสดสนิทศิษย์ส่ายหน้าอยู่
ดังนั้น
วิธีคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิตามวิธีที่ 1 ของหมอนัทคือ = (รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี
1) รายได้ของหมอนัท 5,000,000 บาท
2) ค่าใช้จ่ายของหมอนัท 80% x 5,000,000 บาท = 4,000,000 บาท
3) ค่าลดหย่อนส่วนตัวของหมอนัท 30,000 บาท
4) เงินได้สุทธิ จาก 1-2-3 = 970,000 บาท
5) ภาษีที่คำนวณได้
(ตามอัตราภาษีก้าวหน้า) คือ 109,000 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน
x 0.5% = 5,000,000 x 0.5% = 25,000 บาท
สรุปว่า… นายหมอนัทจะต้องเสียภาษีจำนวน 109,000 บาท
ถาม-ตอบ ภาษีขายของออนไลน์ (FAQ)
1. รายได้เท่าไรต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี
ยื่นด้วยแบบแสดงรายการอะไร
ตอบ : เมื่อรายได้เกินกว่า 30,000
บาทต่อปี เรามีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแม้จะไม่มีภาษีชำระก็ตาม
ด้วยแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 90
2. ยื่นไม่เป็น คำนวณภาษียากแบบนี้ไม่ไหว
ต้องทำยังไงดีล่ะ
ตอบ : ยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ตสิครับ
สะดวกที่สุด คำนวณให้หมดด้วย เชิญยื่นได้ที่ www.rd.go.thครับผม
3.
ถ้าไม่ยื่นเลยจะมีความผิดอะไรบ้างหรือเปล่า แบบว่ากลัวเสียภาษี
ตอบ : ค่าปรับยื่นแบบ 200 บาท เงินเพิ่ม
1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ชำระ และที่สำคัญพี่สรรพากรอาจจะคิดเบี้ยปรับอีก 1 เท่า
หรือ 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระอีกด้วย
4. กรณีที่เป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
(ผู้เยาว์) จะเสียภาษีอย่างไร
ตอบ : ในกรณีที่บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ
(อายุเกิน 20 ปี)
ให้ถือเป็นเงินได้ของบิดาหรือของมารดาหรือผู้ที่ใช้อำนาจปกครองแล้วแต่กรณีไปครับ
5. ทางสรรพากรจะมีแนวทางตรวจสอบอย่างไร
จับได้จริงหรือ ?
ตอบ : ทางสรรพากรมีการตรวจสอบธุรกิจ e-commerce
ตั้งแต่ปี 2555 แล้วครับ ดังนั้นโปรดระวังตัวให้ดี
ไม่แน่ว่าผู้โชคดีอาจจะเป็นคุณ !!!
6. เสียภาษีไปทำไมไม่เห็นได้อะไรกลับมา
ตอบ :
เพราะผลตอบแทนของภาษีที่เราเสียนั้นไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นรูปธรรม
ดังนั้นทำใจให้สบาย ๆ แล้วทำตัวให้ถูกต้องตามกฎหมายดีกว่านะครับ
7.
ทำไมไม่ไปตามเก็บคนที่ไม่จ่ายภาษีหรือพวกคนโกงบ้าง มัวแต่รีดจากคนทำมาหากินอยู่ได้
ตอบ : ครับ
แต่ถ้าเราไม่เสียภาษีเราก็ทำผิดกฎหมายเหมือนกันนะครับ แฮ่
8.
เราสามารถใช้ค่าลดหย่อนได้เหมือนมนุษย์เงินเดือนหรือเปล่า พวก LTF, RMF ทั้งหลาย
ตอบ : ใช้ได้เหมือนบุคคลธรรมดาตามปกติครับ
สำหรับคนที่ขายในนามบุคคลธรรมดา
แต่ถ้าขายของออนไลน์ในนามร้านค้าจดทะเบียนอันนี้อาจจะหมดสิทธิ์ครับ
ขอบขอบคุณข้อมูลดีดีจาก aommoney.com ที่เรียบเรียงเรื่อง ภาษีขายของออนไลน์ มาให้พวกเราอ่านได้เข้าง่ายขึ้นครับ