24/12/57

เรื่องของ ภาษีขายของออนไลน์


หลายคนคงประสบกับปัญหาเรื่องของ ภาษีขายของออนไลน์ บอกตามตรงว่ามันเป็นของสแลงสำหรับคนที่ต้องทำงานหาแลกเงินอย่างเราเรา รายได้ที่หามาไม่ได้หาได้ง่ายๆนะครับ ต้องลงทุนลงแรงมากมายกว่าจะได้มาเพื่อทำการเลี้ยงชีพ ซ้ำแล้วต้องมาโดนเรื่องของ ภาษีขายของออนไลน์ เล่นงานเข้าอีก ตอนแรกมักจะเข้าใจว่าเราขายของได้กำไร แต่พอเวลาผ่านไปโดนเก็บ ภาษีขายของออนไลน์ ย้อนหลังเข้าให้ไอที่คิดว่า กำไร กลับกลายมาขาดทุนเพราะว่าเราขาดความรู้เรื่องภาษีขายของออนไลน์ และมิได้ทำการบวกภาษีส่วนนี้เข้าไปในราคาขายของด้วย แต่ก็จะยังไงดีล่ะ หากมีการบวกเข้าไปในราคาสินค้าเข้าจริงๆก็จะเป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภค

เรื่องราวของ ภาษี เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยาก พอดีผมผ่านไปเจอบทความที่มีประโยชน์เลยของเก็บมาฝาก ต้องให้เครดิตกับ aommoney.com ที่เรียบเรื่องมาให้พวกเราอ่นได้ง่ายขึ้น
สำหรับที่มาของบทความ ภาษีขายของออนไลน์ในตอนนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ @TAXBugnoms ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยในรายการ Money Makeover FM102 ดำเนินรายการโดย คุณรัชชพล เหล่าวานิช และคุณศลิลนา ภู่เอี่ยม ในหัวข้อเรื่อง ภาษีสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์ ซึ่งหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลายมักจะสงสัย และเข้าใจผิดเรื่องการเสียภาษีกับการขายของออนไลน์อยู่เป็นจำนวนมากครับ วันนี้เลยถือโอกาสชี้แจงให้ฟังกันแบบหมดเปลือกในบทความเดียวกันไปเลย
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า.. เมื่อเกิดการซื้อขายขึ้นมาระหว่างคนขายกับคนซื้อ ไม่ว่าจะรับเป็นเงินสด เช็ค แคชเชียร์เช็ค เช็คของขวัญ อะไรทั้งหลายแหล่ รู้แน่ ๆ ว่าสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันใจแล้วละก็ เรานับว่าเป็น เงินทั้งหมดครับ และเมื่อขายของออนไลน์เพื่อเงินนี่แหละ จึงทำให้เรามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอีกด้วย

เพราะฉะนั้น การเปิดร้านค้าออนไลน์ไม่ใช่เปิดขึ้นมาแล้วไม่ต้องเสียภาษี เพราะถ้ามีรายได้ขึ้นมาเราก็ต้องเสียภาษีเหมือนการขายของตามปกติ โดยมีภาษี 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องกับการขายของแบบเรา ๆ นั่นคือ ภาษีเงินได้และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม

1. ภาษีเงินได้ ถ้าหากเป็นร้านค้าที่เปิดโดยคนธรรมดาบ้าน ๆ อย่างเรา ๆ ก็ถือว่าต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยภาษีเงินได้นั้นจะมาจากการคำนวณ เงินได้สุทธิแต่ถ้าหากจดทะเบียนเป็น นิติบุคคลอย่างห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท อันนี้ก็ต้องเสียเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยคำนวณจาก กำไรสุทธิแทน

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องเสียก็ต่อเมื่อเรามีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เมื่อไรที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ว่านี้เรามีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าทันที เช่น สินค้าราคา 100 บาท ต้องบวก ภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีก 7 บาท ซึ่งลูกค้ามีหน้าที่ต้องจ่าย 107 บาทนั่นเอง


แต่ทว่า.. บทความนี้ขออนุญาตเจาะลึกในเรื่อง ภาษีขายของออนไลน์ สำหรับบุคคลธรรมดาที่เปิดร้านค้าออนไลน์เท่านั้นนะครับ เพราะถ้าพูดเรื่องของนิติบุคคลไปด้วยเดี๋ยวจะยุ่งกันไปใหญ่ และสำหรับบุคคลธรรมดา เราจะพิจารณาภาษีด้วยวิธีนี้ครับ

1. กรณีที่รายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี เราจะเสียภาษีแค่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. กรณีที่รายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เราจะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีขายของออนไลน์ แบ่งออกเป็น 2 วิธีได้ดังนี้ครับ

1. เงินได้จากการขายของออนไลน์ ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ประเภทอื่น ๆ)
2. สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธีคือ แบบเหมาในอัตรา 80% ของรายได้ และแบบตามความจำเป็นและสมควร
สำหรับวิธีการเลือกหักค่าใช้จ่ายแต่และแบบนั้น เราควรจะเลือกแบบไหนกันดี ขอแนะนำให้พิจารณาแบบนี้ครับ
ถ้าเป็นการขายของออนไลน์ทั่วไป เช่น เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอาง ฯลฯ ประเภทสิ่งของจับต้องได้ต่าง ๆ ขอแนะนำให้หักค่าใช้จ่าย แบบเหมาไปเลยดีกว่า แต่ถ้าหากอยากหักค่าใช้จ่ายตามจำเป็นและสมควรเพราะประหยัดภาษี ก็ขอแนะนำว่าให้มั่นใจว่าเอกสารหลักฐานที่เรามีนั้นครบถ้วนถูกต้อง มิฉะนั้นอาจจะมีปัญหากับพี่สรรพากรได้ แล้วจะกลายเป็นเสียภาษีมากกว่าเดิมไปซะงั้น

3. ส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่าย ให้นำมาหัก ค่าลดหย่อนตามกฎหมายเพื่อคำนวณเงินได้สุทธิกันต่อเลยครับ
หลังจากนั้นคูณด้วยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามลำดับขั้นบันได เพื่อหาภาษีที่เราต้องจ่าย แต่ขอเตือนไว้ก่อนครับว่า ถ้าหากเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์เกิน 1,000,000 บาทต่อปี !!! เราต้องคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมินโดยนำ 0.5% มาคูณเงินได้ของเราด้วยครับ และหลังจากนั้นให้นำมาเปรียบเทียบภาษีที่คำนวณได้ทั้งสองวิธี และเลือกว่าภาษีที่คำนวณตามวิธีไหนได้มากกว่าให้ใช้วิธีนั้นในการเสียภาษีครับ !! (โหดจังเลย)

ทีนี้เรามาดูตัวอย่างสำหรับ วิธีการคำนวณภาษีเงินได้ สำหรับคนขายของออนไลน์กันดีกว่าครับ สมมุติว่านายหมอนัทแห่งคลินิกกองทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์สำหรับท่านชายโดยเฉพาะ (เอ๊ะ !! ยังไง)  โดยมีรายได้ตลอดทั้งปี 5,000,000 บาท และตัวหมอนัทเองนั้นยังโสดสนิทศิษย์ส่ายหน้าอยู่
ดังนั้น วิธีคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิตามวิธีที่ 1 ของหมอนัทคือ = (รายได้ ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี
1) รายได้ของหมอนัท 5,000,000 บาท
2) ค่าใช้จ่ายของหมอนัท 80% x 5,000,000 บาท = 4,000,000 บาท
3) ค่าลดหย่อนส่วนตัวของหมอนัท 30,000 บาท
4) เงินได้สุทธิ จาก 1-2-3 = 970,000 บาท
5) ภาษีที่คำนวณได้ (ตามอัตราภาษีก้าวหน้า) คือ 109,000 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน x 0.5% = 5,000,000 x 0.5% = 25,000 บาท
สรุปว่านายหมอนัทจะต้องเสียภาษีจำนวน 109,000 บาท


ถาม-ตอบ ภาษีขายของออนไลน์ (FAQ)

1. รายได้เท่าไรต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ยื่นด้วยแบบแสดงรายการอะไร
ตอบ : เมื่อรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี เรามีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแม้จะไม่มีภาษีชำระก็ตาม ด้วยแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 90

2. ยื่นไม่เป็น คำนวณภาษียากแบบนี้ไม่ไหว ต้องทำยังไงดีล่ะ
ตอบ : ยื่นแบบผ่านอินเทอร์เน็ตสิครับ สะดวกที่สุด คำนวณให้หมดด้วย เชิญยื่นได้ที่ www.rd.go.thครับผม

3. ถ้าไม่ยื่นเลยจะมีความผิดอะไรบ้างหรือเปล่า แบบว่ากลัวเสียภาษี
ตอบ : ค่าปรับยื่นแบบ 200 บาท เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ชำระ และที่สำคัญพี่สรรพากรอาจจะคิดเบี้ยปรับอีก 1 เท่า หรือ 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระอีกด้วย

4. กรณีที่เป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ผู้เยาว์) จะเสียภาษีอย่างไร
ตอบ : ในกรณีที่บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อายุเกิน 20 ปี) ให้ถือเป็นเงินได้ของบิดาหรือของมารดาหรือผู้ที่ใช้อำนาจปกครองแล้วแต่กรณีไปครับ

5. ทางสรรพากรจะมีแนวทางตรวจสอบอย่างไร จับได้จริงหรือ ?
ตอบ : ทางสรรพากรมีการตรวจสอบธุรกิจ e-commerce ตั้งแต่ปี 2555 แล้วครับ ดังนั้นโปรดระวังตัวให้ดี ไม่แน่ว่าผู้โชคดีอาจจะเป็นคุณ !!!

6. เสียภาษีไปทำไมไม่เห็นได้อะไรกลับมา
ตอบ : เพราะผลตอบแทนของภาษีที่เราเสียนั้นไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นรูปธรรม ดังนั้นทำใจให้สบาย ๆ แล้วทำตัวให้ถูกต้องตามกฎหมายดีกว่านะครับ

7. ทำไมไม่ไปตามเก็บคนที่ไม่จ่ายภาษีหรือพวกคนโกงบ้าง มัวแต่รีดจากคนทำมาหากินอยู่ได้
ตอบ : ครับ แต่ถ้าเราไม่เสียภาษีเราก็ทำผิดกฎหมายเหมือนกันนะครับ แฮ่

8. เราสามารถใช้ค่าลดหย่อนได้เหมือนมนุษย์เงินเดือนหรือเปล่า พวก LTF, RMF ทั้งหลาย
ตอบ : ใช้ได้เหมือนบุคคลธรรมดาตามปกติครับ สำหรับคนที่ขายในนามบุคคลธรรมดา แต่ถ้าขายของออนไลน์ในนามร้านค้าจดทะเบียนอันนี้อาจจะหมดสิทธิ์ครับ

ขอบขอบคุณข้อมูลดีดีจาก aommoney.com ที่เรียบเรียงเรื่อง ภาษีขายของออนไลน์ มาให้พวกเราอ่านได้เข้าง่ายขึ้นครับ










1 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ